ในยุคดิจิทัลที่เทคโนโลยีเข้ามามีบทบาทในชีวิตประจำวันมากขึ้น อาการที่เกี่ยวข้องกับการใช้สื่อดิจิทัลก็เริ่มปรากฏมากขึ้นเช่นกัน หนึ่งในอาการเหล่านี้คือ FOSO หรือ “Fear of Switching Off” ซึ่งสะท้อนถึงความกลัวที่จะพลาดสิ่งสำคัญในโลกออนไลน์ จนทำให้ไม่สามารถวางมือจากมือถือได้เลย
FOSO ความกลัวที่ทำให้เทคโนโลยีกลายเป็นส่วนหนึ่งของชีวิต
FOSO คือความกลัวที่จะพลาดข้อมูลสำคัญ หรือกลัวว่าจะไม่ทันต่อกระแสสังคม ทำให้หลายคนไม่สามารถห่างจากมือถือได้ ความรู้สึกนี้เพิ่มมากขึ้นเมื่อสังคมเริ่มพึ่งพาเทคโนโลยีมากขึ้น โทรศัพท์มือถือและอินเทอร์เน็ตได้กลายเป็นสิ่งจำเป็นในชีวิตประจำวัน บางคนอาจรู้สึกว่าการขาดมือถือเปรียบเสมือนขาดใจ แต่ความจริงแล้ว การไม่มีเทคโนโลยีเหล่านี้ในช่วงเวลาสั้น ๆ อาจไม่ส่งผลกระทบรุนแรงอย่างที่คิด
ความรู้สึกขาดมือถือไม่ได้ ปรากฏการณ์ใหม่ในสังคมดิจิทัล
แม้ว่าคนบางกลุ่มในยุคนี้เริ่มหันมาละวางมือถือ และออกไปสัมผัสกับชีวิตจริงมากขึ้น แต่ยังมีอีกหลายคนที่รู้สึกว่าตนเองไม่สามารถอยู่ห่างจากมือถือหรืออินเทอร์เน็ตได้ ความกังวลนี้เพิ่มมากขึ้นเมื่อไม่มีการเชื่อมต่อกับโลกออนไลน์ แม้เพียงไม่กี่นาที คนกลุ่มนี้อาจรู้สึกเหมือนตนเองติดมือถือราวกับติดยาเสพติด ซึ่งอาจนำไปสู่ความเครียดและอาการวิตกกังวลอย่างรุนแรง
โนโมโฟเบีย อาการกลัวขาดมือถือที่เพิ่มขึ้นในยุคดิจิทัล
สำหรับผู้ที่ไม่สามารถอยู่ห่างจากมือถือได้เลย อาการนี้เรียกว่า โนโมโฟเบีย (Nomophobia) ซึ่งเป็นกลุ่มอาการที่เกิดจากความกังวลมากเกินไปเกี่ยวกับการขาดมือถือ คำว่า “โนโม” มาจาก “โมบายโฟน” และ “โฟเบีย” หมายถึงความกลัวที่มากเกินไป อาการนี้เกิดขึ้นเนื่องจากมือถือเข้ามามีบทบาทสำคัญในชีวิตประจำวัน
นอกจากโนโมโฟเบียแล้ว ยังมีอาการ FOMO (Fear of Missing Out) ซึ่งเป็นอาการที่เกิดขึ้นเมื่อคนรู้สึกว่าตนเองอาจพลาดสิ่งสำคัญไป จนต้องคอยเช็กข่าวสารหรือสถานการณ์ต่าง ๆ บนโซเชียลมีเดียตลอดเวลา อาการเหล่านี้ส่งผลให้ผู้ที่มี FOMO กลายเป็นคนติดมือถือ ไม่สามารถวางมือจากการติดตามข่าวสารได้ ซึ่งส่งผลกระทบต่อชีวิตประจำวันและความสุขส่วนตัว
วิธีรับมือกับ FOMO และ FOSO เริ่มต้นจากการรู้จักตัวเอง
การรู้จักตัวเองและรับมือกับอาการ FOMO และ FOSO เป็นสิ่งสำคัญ เพราะการปล่อยให้อาการเหล่านี้ควบคุมชีวิตอาจส่งผลเสียต่อสุขภาพจิตในระยะยาว วิธีรับมือมีดังนี้:
- คัดเลือกเนื้อหาและคนที่ติดตามบนโซเชียลมีเดีย เลือกติดตามเฉพาะเนื้อหาที่ให้ประโยชน์และส่งเสริมความคิดในทางบวก
- ดิจิทัลดีท็อกซ์ ลองพักจากการใช้สมาร์ทโฟน หรือหยุดการเชื่อมต่อกับโลกออนไลน์สักพัก เพื่อฟื้นฟูสมองและจิตใจ
- ทำกิจกรรมที่ช่วยฝึกสมาธิ เช่น นั่งสมาธิ หรือทำกิจกรรมที่ทำให้คุณจดจ่ออยู่กับสิ่งที่ทำอยู่ แทนการจับมือถือ
- ใช้เวลาร่วมกับคนรอบข้างในชีวิตจริง การสื่อสารกับผู้คนในชีวิตจริงช่วยให้คุณรู้สึกเชื่อมโยงกับสังคมมากกว่าการสื่อสารผ่านหน้าจอ
สรุป FOSO และ FOMO สะท้อนผลกระทบของเทคโนโลยีในชีวิตประจำวัน
อาการ FOSO และ FOMO เป็นผลพวงจากการพึ่งพาเทคโนโลยีมากเกินไปในชีวิตประจำวัน แม้เทคโนโลยีจะนำมาซึ่งความสะดวกสบาย แต่หากไม่รู้จักจำกัดการใช้งาน อาจส่งผลเสียต่อสุขภาพจิตและการใช้ชีวิตในระยะยาว ดังนั้น การสร้างสมดุลระหว่างโลกออนไลน์และโลกจริงจึงเป็นสิ่งสำคัญที่ควรพิจารณา