Walter-CD

สื่อกลางงประชาสัมพันธ์และความรู้

ไทยยุคใหม่ หันมาลงทุนพัฒนาตัวเองมากขึ้น อุตสาหกรรมไหนได้ไปต่อ ?

ในอดีต “การลงทุน” มักหมายถึงการซื้อบ้าน ซื้อทอง ซื้อหุ้น หรือสะสมทรัพย์สินเพื่อสร้างมูลค่าในระยะยาว แต่พฤติกรรมคนไทยยุคนี้เริ่มเปลี่ยนไปอย่างมีนัยสำคัญ โดยเฉพาะในกลุ่มคนรุ่นใหม่ที่หันมาให้ความสำคัญกับ การพัฒนาตัวเอง มากกว่าการครอบครองสิ่งของ แนวโน้มนี้ไม่ใช่แค่กระแส แต่สะท้อนถึงมุมมองใหม่ต่อความมั่นคงและคุณค่าชีวิต พวกเขามองว่าทักษะ ความรู้ และประสบการณ์คือ “ทรัพย์สินที่ไม่มีใครแย่งได้” และสามารถต่อยอดรายได้ สร้างโอกาส และเพิ่มความมั่นใจในโลกที่เปลี่ยนเร็วและแข่งขันสูง เทรนด์นี้ส่งผลให้เกิดการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ในหลายอุตสาหกรรม โดยเฉพาะธุรกิจที่เกี่ยวข้องกับการเรียนรู้ พัฒนาศักยภาพ และสุขภาพแบบองค์รวม

คนไทยเริ่มมองตัวเองเป็นสินทรัพย์ที่ต้อง “อัปเกรด”

เมื่อโลกหมุนเร็วขึ้นด้วยเทคโนโลยีและความไม่แน่นอน การลงทุนแบบเดิมไม่เพียงพออีกต่อไป คนจำนวนมากเริ่มถามตัวเองว่า “ถ้าไม่มีงานประจำแล้ว เราจะทำอะไรได้?” “ทักษะที่มีตอนนี้ยังใช้ได้อีกกี่ปี?” และ “สุขภาพเราพร้อมแค่ไหนถ้าเกิดเหตุฉุกเฉิน?” คำถามเหล่านี้คือแรงผลักให้คนเริ่มหันมาเทงบประมาณ เวลา และพลังใจไปกับการพัฒนาตัวเอง

พฤติกรรมที่เห็นชัดเจน เช่น:

  • จ่ายเงินลงคอร์สออนไลน์เพื่อเพิ่มสกิล
  • จ้างโค้ชพัฒนาตัวเองหรือธุรกิจ
  • ลงทุนกับสุขภาพ เช่น ซื้ออาหารคลีน วิตามิน หรือแพ็คเกจฟิตเนส
  • เรียนภาษาที่สาม เตรียมพร้อมรองรับงานใหม่ในอนาคต
  • เรียนด้านการเงินส่วนบุคคลและการวางแผนชีวิต

ธุรกิจที่ตอบโจทย์การลงทุนในตัวเอง มีแนวโน้มเติบโตต่อเนื่อง

แนวโน้มนี้ส่งผลให้อุตสาหกรรมที่เน้นพัฒนา “คน” มากกว่าสิ่งของ กำลังกลายเป็นดาวรุ่งแบบไม่ต้องพึ่งกระแสโฆษณาหรือโปรโมชันใหญ่โต ตัวอย่างธุรกิจที่กำลังได้รับความนิยมและเติบโตสูงในไทย เช่น

1. คอร์สเรียนออนไลน์และแพลตฟอร์มความรู้เฉพาะทาง
การเรียนไม่จำกัดอยู่แค่ในห้องเรียนอีกต่อไป คนจำนวนมากพร้อมจ่ายเพื่อเข้าถึงเนื้อหาลึก ซับซ้อน และลงมือทำได้ทันที แพลตฟอร์มที่มีเนื้อหาเฉพาะทาง เช่น การตลาดดิจิทัล เขียนโปรแกรม หรือทำธุรกิจบนแพลตฟอร์มต่างๆ กำลังเป็นที่นิยมมากขึ้น

2. ธุรกิจโค้ช เทรนเนอร์ และที่ปรึกษา
ไม่ว่าจะเป็น Life Coach, Business Coach หรือ Personal Branding Mentor คนจำนวนมากเริ่มยอมจ่ายเพื่อให้มีคน “ช่วยพาไปถึงเป้าหมาย” ไม่ต้องลองผิดลองถูกเองทั้งหมด ธุรกิจแนวนี้จึงมีโอกาสเติบโตอย่างก้าวกระโดด

3. ฟิตเนส สุขภาพ อาหารเสริม และไลฟ์สไตล์เพื่อสุขภาพ
สุขภาพไม่ใช่แค่ไม่มีโรค แต่คือคุณภาพชีวิต คนไทยรุ่นใหม่ยอมจ่ายกับอาหารสะอาด คลินิกเวชศาสตร์ชะลอวัย แพ็กเกจออกกำลังกายแบบส่วนตัว หรือแม้แต่เครื่องมือวัดสุขภาพดิจิทัล สิ่งเหล่านี้กลายเป็นสินค้าจำเป็นแทนของใช้ฟุ่มเฟือย

4. เวิร์กช็อปและอีเวนต์สร้างประสบการณ์
ธุรกิจที่จัดกิจกรรมเรียนรู้แบบจับต้องได้ เช่น เวิร์กช็อปศิลปะ ดนตรี การทำอาหาร หรือแม้แต่ค่ายพัฒนาศักยภาพส่วนบุคคล กลายเป็นทางเลือกใหม่สำหรับผู้ต้องการทั้งพัฒนาตัวเองและสร้างคอนเน็กชันไปพร้อมกัน

5. อุปกรณ์และบริการสำหรับ Digital Creator
คนรุ่นใหม่มองตัวเองเป็น “แบรนด์” มากขึ้น ธุรกิจที่เกี่ยวข้องกับกล้อง วิดีโอ ซอฟต์แวร์ตัดต่อ การออกแบบคอนเทนต์ ไปจนถึงที่ปรึกษาสำหรับ Influencer หรือ Creator ล้วนเป็นธุรกิจที่มีแนวโน้มเติบโตต่อเนื่อง

ปัจจัยผลักดันพฤติกรรมลงทุนในตัวเองของคนไทย

  • ความไม่แน่นอนทางเศรษฐกิจ ทำให้คนหันมาพึ่งพาตัวเองมากขึ้น
  • แนวคิด Work-Life Integration แทนการแยกชีวิตกับงาน ทำให้มองว่า “การพัฒนาตัวเองคือการพัฒนางานไปด้วย”
  • การเข้าถึงเทคโนโลยีและคอนเทนต์คุณภาพ จากทั่วโลก ทำให้คนรู้สึกอยากพัฒนาเท่าทันคนอื่น
  • แรงบันดาลใจจากผู้ประสบความสำเร็จ ที่มักพูดเสมอว่า “สิ่งที่เปลี่ยนชีวิตได้คือการลงทุนกับตัวเอง”

สรุป

แนวโน้มคนไทยหันมาลงทุนในตัวเองชัดเจนขึ้นทุกปี และไม่ใช่แค่เพราะแฟชั่น แต่เพราะสภาพแวดล้อมที่เปลี่ยนแปลงเร็วและแข่งขันสูง ทำให้คนตระหนักว่า “ตัวเรา” คือต้นทุนที่สำคัญที่สุด ธุรกิจที่ตอบโจทย์พฤติกรรมนี้จึงมีโอกาสเติบโตสูง ทั้งสายการศึกษา โค้ชชิ่ง สุขภาพ ไลฟ์สไตล์ และเทคโนโลยีที่ช่วยให้คนพัฒนาตัวเองได้ง่ายขึ้น หากใครกำลังมองหาธุรกิจที่มีอนาคต หรืออยากเปลี่ยนแนวคิดการใช้เงิน ลองเริ่มจากมองดูว่า ตอนนี้คุณลงทุนกับตัวเองไปแล้วมากแค่ไหน เพราะในที่สุด “ตัวคุณ” จะเป็นสินทรัพย์ที่คุ้มค่าที่สุดเสมอ